ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Linux Fedora Core 8 (VMware)

การทดลองครั้งที่ 1
การติดตั้งโปรแกรมระบบปฏิบัติการลงบน VMWare
พื้นฐาน
โปรแกรม VMWare เป็นโปรแกรมที่จำลองสภาพแวดล้อมของ เครื่องคอมพิวเตอร์  บนระบบปฏิบัติการหนึ่งๆ ซึ่งจะทำให้ดูเสมือนมี เครื่องคอมพิวเตอร์ หลายเครื่อง ทำงานอยู่พร้อมกัน
สภาพแวดล้อมที่ใช้ในการทดลอง
โปรแกรม VMWare ที่ใช้ในการทดลองจะเป็นรุ่น VMServer 1.05 โดยการทดลองจะทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการต่างๆดังต่อไปนี้
                1 Linux Fedora Core 8 (Machine 1)
               
การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Linux Fedora Core 8
1 ทำการ ดับเบิ้ลคลิกที่ ไอคอนของ VMWare Server Console จากนั้นทำการเลือก Local Host  ดังรูปที่ 1.1

รูปที่ 1.1 หน้าจอการเลือกการใช้งาน VMware บนเครื่อง
2 ในกรณีที่เป็นการติดตั้งใหม่ให้ เลือกไอคอน New Virtual Machine  (ส่วนในกรณีที่มีการติดตั้งอยู่ก่อนแล้ว เลือกไอคอนOpen Existing Virtual Machine) หลังจากนั้นจะปรากฏ New Virtual Machine Wizard ดังรูปที่ 1.2

รูปที่ 1.2 หน้าจอแสดงทางเลือกการทำงานของ VMWare
3 โปรแกรม VMWare จะแสดงหน้าจอการเริ่มต้นติดตั้ง Virtual Machine ดังรูปที่ 1.3

รูปที่ 1.3 หน้าจอการเข้าสู่การติดตั้ง New Virtual Machine

4 จากนั้นทำการเลือกการกำหนดค่าแบบ Typical ซึ่งเป็นรูปแบบการทำงานแบบทั่วไป ในกรณีที่ต้องการกำหนดค่าตามความต้องการให้ใช้ทางเลือกที่เป็นแบบ Custom  ดังรูปที่ 1.4

รูปที่ 1.4 หน้าจอทางเลือกการกำหนดค่าบน VMWare
5 ทำการเลือก ระบบปฏิบัติการที่ต้องการจะติดตั้งในกรณีคือ Linux  แต่เนื่องจากว่าทางเลือกของ VMWare ที่เตรียมไว้ไม่มี Fedora จึงทำการเลือกเป็น Other Linux ดังรูปทื่ 1.5  

รูปที่ 1.5 หน้าจอทางเลือกการติดตั้งระบบปฏิบัติการบน VMWare (ในกรณีที่เลือกเป็น Linux Fedora Core 8)
6 ทำการใส่ชื่อของ Virtual Machine และกำหนดที่อยู่ของข้อมูล Virtual Machine ดังรูปที่ 1.6

รูปที่ 1.6 หน้าจอการกำหนดชื่อ Virtual Machine และที่อยู่ของข้อมูล Virtual Machine
7 ทำการเลือกการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ดังรูปที่ 1.7 
-          การเลือกแบบ Bridged Networking จะหมายถึงการที่ Virtual Machine แต่ละเครื่องเสมือนมี การเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายปกติ โดยมี IP Address ที่สามารถได้รับจากภายนอกโดยตรง)
-          การเลือกแบบ NAT จะหมายถึงการที่ Virtual Machine จะสื่อสารภายนอกโดยผ่านการทำ Network Address Translation ซึ่งจะใช้หมายเลข IP Address ของ ระบบที่ทำงานอยู่ในการทำ NAT
-          การเลือกแบบ Host Only จะหมายถึง Host และ Virtual Machine จะเสมือนเชื่อมต่อกันบน Virtual Switch ซึ่งจะมีการแจกหมายเลข IP Address ที่เป็น Private IP  ให้กับเครื่อง Virtual Machine ทุกเครื่องผ่านการทำงานของ DHCP




รูปที่ 1.7 หน้าจอการเลือกวิธีการเชื่อมต่อบน VMWare

8 ทำการกำหนดขนาดของข้อมูล VMware ดังรูปที่ 1.8  หลังจากนั้นระบบจะทำการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูล Virtual Machine
รูปที่ 1.8 หน้าจอการกำหนดขนาดพื้นที่ของข้อมูล Virtual Machine

9 ทำการกำหนดค่าการติดตั้ง โปรแกรม Linux โดยดับเบิ้ลคลิ๊กที่  CDROM Drive ทำการเลือก ดังรูปที่ 1.9

รูปที่ 1.9 หน้าจอการกำหนดที่อยู่ของโปรแกรม
·        ในกรณีของ ห้อง LAB ตำแหน่งระบุที่อยู่อาจไม่ตรงกับรูป ให้นักศึกษาลองทำการค้นหาจากไดรฟ์ D:
10 เริ่มต้นทำงาน Virtual Machine โดยเลือกปุ่มเครื่องหมาย Start Virtual Machine

รูปที่ 1.10 หน้าจอทั่วไปเพื่อรอรับคำสั่งการทำงานของ Virtual Machine
11 ทำการติดตั้งโปรแกรมระบบปฏิบัติการ โดยใช้ Text Mode (รวดเร็วกว่า) ดังรูปที่ 1.11

รูปที่ 1.11 หน้าจอทางเลือกการติดตั้งโปรแกรมระบบปฏิบัติการ Fedora Core 8
12 ทำการ Skip การตรวจสอบ Media เนื่องจากว่าในการทดลองใช้เป็น ISO file ดังรูปที่ 1.12

รูปที่ 1.12 หน้าจอทางเลือกการตรวจสอบ Media ในการติดตั้ง
13  ทำการเลือกภาษาที่จะใช้งานโดยเลือกเป็นภาษาอังกฤษ (English) ดังรูปที่ 1.13

รูปที่ 1.13 หน้าจอทางเลือกภาษาที่จะใช้งานบนระบบปฏิบัติการ
14 ทำการเลือกลักษณะของแป้นพิมพ์ที่จะใช้งาน ดังรูปที่ 1.14

รูปที่ 1.14 หน้าจอทางเลือกลักษณะแป้นพิมพ์ที่จะใช้งานบนระบบปฏิบัติการ
15 ทำการกำหนดค่าเริ่มต้นของ Disk บนระบบปฏิบัติการ โดยเลือกเป็นการกำหนดค่าใหม่ ซึ่งแสดงดังรูปที่ 1.15

รูปที่ 1.15 หน้าจอการเตือนสำหรับการแบ่งพื้นที่ของ Disk

16 ทำการเลือกการกำหนดค่า Disk โดยใช้ทางเลือก Create Custom Layout


รูปที่ 1.16 หน้าจอแสดงทางเลือกที่ใช้สำหรับการจัดแบ่ง Disk
17 ทำการกำหนดโครงสร้างของ Disk โดยมีรายละเอียดดังนี้
·        พื้นที่ Disk สำหรับการทำ หwap  256 MB
·        พื้นที่ สำหรับ root  ที่เหลือจากการแบ่ง Swap แล้ว
·        นักศึกษาสามารถแบ่งพื้นที่เพิ่มเติมได้ตามรูปแบบการใช้งาน เช่น /user  /home เป็นต้น
17.1 เลือกสร้างพื้นที่ของ swap โดยทำการเลือกปุ่ม New ดังรูปที่ 1.17
17.2 เลือก File System เป็น swap  และกำหนดค่าต่างๆดังรูปที่ 1.18  
17.3  เลือกสร้างพื้นที่ของ root โดยทำการเลือกปุ่ม New ดังรูปที่ 1.19
17.4 เลือก File System เป็น ext3  และกำหนดค่าต่างๆดังรูปที่ 1.20  เมื่อเสร็จสิ้นการแบ่งพื้นที่แล้วจะแสดงหน้าจอดังรูปที่ 1.21

รูปที่ 1.17 หน้าจอการเลือกสร้างพื้นที่ใหม่

รูปที่  1.18 หน้าจอการกำหนดพื้นที่ของ swap

รูปที่ 1.19  หน้าจอหลังจากที่มีการสร้าง พื้นที่ swap
รูปที่ 1.20 หน้าจอการกำหนดพื้นที่ของ root
รูปที่ 1.21 หน้าจอหลังจากเสร็จสิ้นการแบ่งพื้นที่แล้ว



18  ทำการเลือก Yes เพื่อทำงานต่อไปดังรูปที่ 1.22
รูปที่ 1.22 หน้าจอแสดงการข้อความในกรณีที่หน่วยความจำมีน้อย
19 ทำการเลือกวิธีการเริ่มต้นทำงานโดยใช้ Grub Boot Loader ดังรูปที่ 1.23
รูปที่ 1.23 หน้าจอการกำหนดค่าทางเลือกการเริ่มต้นการทำงานโปรแกรมระบบปฏิบัติการ

20 ทำการเลือกปุ่ม OK เพื่อทำงานต่อ โดยที่เว้นว่างส่วนการส่ง  Option ไปยัง Kernel
รูปที่ 1.24 หน้าจอการกำหนดค่าการส่ง Option ไปยัง Kernel ในตอนเริ่มต้นการทำงาน
21 ไม่ต้องกำหนดค่า Password ของ Grub ดังรูปที่ 1.25
รูปที่ 1.25 หน้าจอการกำหนดค่า Grub Password
22 เนื่องจากว่า Grub Boot Loader อนุญาตให้สามารถ Boot จากหลายiระบบปฏิบัติการได้ จึงต้องกำหนดระบบปฏิบัติการที่ต้องการจะ Boot แต่ในกรณีการทดลองนี้มีระบบปฏิบัติการเดียว จึงกำนดค่าดังรูปที่ 1.26 และ 1.27
รูปที่ 1.26 หน้าจอแสดงระบบปฏิบัติการที่อยู่บน Disk
รูปที่ 1.27  หน้าจอแสดงตำแหน่งการ Boot ของระบบปฏิบัติการ

23 การกำหนดค่าของ Network Interface Card (NIC) บนระบบ ดังรูปที่ 1.28 โดยมีรายละเอียดดังนี้
·        ทำการใช้งานในรูปแบบ IPv4 แสดงดังรูปที่ 1.29
·        ทำการเลือกใช้งานเป็น DHCP แสดงดังรูปที่ 1.30/1.31
รูปที่  1.28 หน้าจอแสดงการกำหนดค่าของ NIC (Ethernet)
รูปที่ 1.29 หน้าจอการกำหนดค่าการสนับสนุน โปรโตคอล IPv4 และ IPv6
รูปที่ 1.30 หน้าจอการกำหนดค่าของหมายเลข IP Address และ อื่นๆ
รูปที่  1.31 หน้าจอกำหนดค่าการร้องขอจาก DHCP บนระบบเครือข่าย


24 กำหนดค่าระบบเบื้องต้น ดังนี้ คือ Time Zone : Asia/Bangkok ดังรูปที่ 1.32  และ Root Password ดังรูปที่ 1.33
รูปที่ 1.32  หน้าจอกำหนดค่า Time Zone ที่ใช้ในการทดลอง
รูปที่ 1.33 หน้าจอการกำหนดค่าของ Root Password


25 กำหนดค่า Package ที่ต้องการจะติดตั้งบนระบบปฏิบัติการ โดยกำหนดแบบเลือกเองดังต่อไปนี้
                1. Administration Tools
2. Development Tools
3. Editors
4. FTP Server
5. Hardware Support
6. Legacy Network Server
7. Legacy Software Development
8. Network Servers
9. Server Configuration Tools
10. System Tools
11. Web Server


รูปที่ 1.34  หน้าจอทางเลือกของการกำหนด Package ที่ต้องการจะติดตั้งบนระบบปฏิบัติการ

รูปที่ 1.35 หน้าจอเสร็จสิ้นกระบวนการติดตั้งระบบปฏิบัติการ
การติดตั้ง Window XP SP 3บน VMWare
1 ขั้นตอนการติดตั้งจะใช้รูปแบบเดียวกันกับ การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Linux Fedora ตั้งแต่ขั้นตอนที่ 2 -4 หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนของการเลือกระบบปฏิบัติการ ดังรูปที่ 1.36

รูปที่ 1.36 หน้าจอการเลือกติดตั้งระบบปฏิบัติการบน VMWare
2 ทำการใส่ชื่อของ Virtual Machine และกำหนดที่อยู่ของข้อมูล Virtual Machine ดังรูปที่ 1.37

รูปที่ 1.37 หน้าจอการกำหนดชื่อ Virtual Machine และที่อยู่ของข้อมูล Virtual Machine
3 ทำการเลือกการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ดังรูปที่ 1.38
-          การเลือกแบบ Bridged Networking จะหมายถึงการที่ Virtual Machine แต่ละเครื่องเสมือนมี การเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายปกติ โดยมี IP Address ที่สามารถได้รับจากภายนอกโดยตรง)
-          การเลือกแบบ NAT จะหมายถึงการที่ Virtual Machine จะสื่อสารภายนอกโดยผ่านการทำ Network Address Translation ซึ่งจะใช้หมายเลข IP Address ของ ระบบที่ทำงานอยู่ในการทำ NAT
-          การเลือกแบบ Host Only จะหมายถึง Host และ Virtual Machine จะเสมือนเชื่อมต่อกันบน Virtual Switch ซึ่งจะมีการแจกหมายเลข IP Address ที่เป็น Private IP  ให้กับเครื่อง Virtual Machine ทุกเครื่องผ่านการทำงานของ DHCP

รูปที่ 1.38 หน้าจอการเลือกวิธีการเชื่อมต่อบน VMWare
4 ทำการกำหนดขนาดของข้อมูล VMware ดังรูปที่ 1.39  หลังจากนั้นระบบจะทำการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูล Virtual Machine

รูปที่ 1.39 หน้าจอการกำหนดขนาดพื้นที่ของข้อมูล Virtual Machine


5 ทำการกำหนดค่าการติดตั้ง โปรแกรม Window XP โดยดับเบิ้ลคลิ๊กที่  CDROM Drive ทำการเลือก ดังรูปที่ 1.40

รูปที่ 1.40 หน้าจอการกำหนดที่อยู่ของโปรแกรม
·        ในกรณีของ ห้อง LAB ตำแหน่งระบุที่อยู่อาจไม่ตรงกับรูป ให้นักศึกษาลองทำการค้นหาจากไดรฟ์ D:
6 เริ่มต้นทำงาน Virtual Machine โดยเลือกปุ่มเครื่องหมาย Start Virtual Machine ดังรูปที่ 1.41

รูปที่ 1.41 หน้าจอทั่วไปเพื่อรอรับคำสั่งการทำงานของ Virtual Machine
7 กำหนดการแบ่งพื้นที่ของ Disk ในการทดลองไม่ต้องแบ่งพื้นที่ ดังรูปที่ 1.42 และเลือกรูปแบบการ format แบบ NTFS (Quick) สำหรับการทดลองติดตั้งดังรูปที่  1.43

รูปที่ 1.42 หน้าจอการแบ่งพื้นที่ของ Disk บนระบบปฏิบัติการ Windows

รูปที่ 1.43 หน้าจอแสดงทางเลือกการ Format Disk สำหรับติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows
8 ทำการกำหนดค่าต่างๆ ของระบบดังต่อไปนี้
·        TimeZone : GMT+7.00  /Bangkok, Hanoi
·        Computer Name: MUT_ID (ID คือ รหัสนักศึกษา)
·        Workgroup : MSIT-Network
·        การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายใช้การทำงาน ผ่าน DHCP (Obtain IP Address Automatically)
   

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN Technology)

ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN Technology)   ประวัติความเป็นมา               ระบบเครือข่ายไร้สาย ( Wireless LAN)  ระบบเครือข่ายไร้สาย  (Wireless LANs)  เกิดขึ้นครั้งแรก ในปี ค.ศ.  1971 บนเกาะฮาวาย โดยโปรเจกต์ ของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาวาย ที่ชื่อว่า  “ALOHNET”  ขณะนั้นลักษณะการส่งข้อมูลเป็นแบบ Bi-directional  ส่งไป-กลับง่ายๆ ผ่านคลื่นวิทยุ สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์  7  เครื่อง ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ  4  เกาะโดยรอบ และ มีศูนย์กลางการเชื่อมต่ออยู่ที่เกาะๆหนึ่ง ที่ชื่อว่า  Oahu ความหมาย               ระบบเครือข่ายไร้สาย ( WLAN = Wireless Local Area Network)  คือ ระบบการสื่อสารข้อมูลที่มีรูปแบบในการสื่อสารแบบไม่ใช้สาย โดยใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่านวิทยุ  RF  และ คลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ผ่านอากาศ ,  ทะลุกำแพง ,  เพดานหร...

การ Config card Lan ใน Server Ubuntu

ให้ใส่รหัสผ่านของเราลงไป ระบบจะให้เราสร้างรหัสผ่านของยูสเซอร์ root ใหม่ รหัสผ่านของยูสเซอร์ root อีกครั้ง การสร้างรหัสผ่านของยูสเซอร์ root สำเร็จแล้ว พิมพ์คำสั่ง su กด Enter เพื่อขอใช้งานยูสเซอร์ root ใส่รหัสผ่านของยูสเซอร์ root ถ้าล็อกออนยูสเซอร์ root ตรง noom@server: ก็จะเปลี่ยนเป็น root@server:  พิมพ์คำสั่ง ifconfig เพื่อดูไอพี ของเครื่องเราแล้วดูบรรทัดที่สองตรง inet addr: ตามรูปไอพีคือ 192.168.1.42 ได้มาจากเครื่อง dhcp การเซตไอพีเองให้เป็น static IP พิมพ์คำสั่ง vi /etc/network/interfaces กด Enter กดคีย์อักษร  เพื่อเข้าสู่โหมดพิมพ์ข้อความ > เปลี่ยนจาก iface eth0 inet dhcp เป็น iface eth0 inet static แล้วพิมพ์คำสั่งเพิ่ม ตามรูปเลย แล้วทำการบันทึกด้วยการกด <Esc> แล้วตามด้วย <:><w><q> กด Enter จากนั้นรีสตาร์ตเซอร์วิสด้วยคำสั่ง /etc/init.d/networking restart กด Enter แล้วตรวจดูว่า IP Address เปลี่ยนแปลงหรือยัง ด้วยคำสั่ง ifconfig ก็จะได้ไอพีตามที่เราเซตก็คือ 192.168.1.20 เสร็จการติดตั้ง Ubuntu Linux Server